บริษัท ชัยทวีบรัช จำกัด

โรงงานรับสั่งทำแปรงอุตสาหกรรม
แปรงอุตสาหกรรม OEM ตามแบบของลูกค้า

15,17 5ถนนพระยามนธาตุ แขวงบางบอน เขตบางบอน กรุงเทพมหานคร 10150

Chaitaweebrush@windowslive.com

02-416-2046, 02-416-2046

4 ประเภทคราบฝังแน่นยอดฮิตในบ้าน พร้อมวิธีรับมือแบบตรงจุด

4 ประเภทคราบฝังแน่นยอดฮิตในบ้าน พร้อมวิธีรับมือแบบตรงจุด

บ้านที่ดูสะอาดเรียบร้อย ไม่ได้แปลว่าจะปราศจากคราบสกปรกเสมอไป โดยเฉพาะสิ่งที่เรียกว่าคราบฝังแน่น ซึ่งเป็นคราบที่ไม่ได้เกิดขึ้นชั่วคราวหรือเพียงชั้นผิว แต่เป็นคราบที่สะสมอยู่เป็นเวลานาน ติดแน่นอยู่กับพื้นผิวต่าง ๆ จนกลายเป็นปัญหาที่หลายคนพยายามจัดการ แต่กลับรู้สึกว่ายิ่งทำก็ยิ่งเหนื่อย และผลลัพธ์ไม่เป็นอย่างที่หวัง คราบในบ้านสามารถเกิดได้หลายสาเหตุ ทั้งจากความชื้น คราบไขมันจากการทำอาหาร การใช้น้ำประปาที่มีหินปูน หรือแม้แต่รอยสนิมจากเหล็กที่สัมผัสความเปียกชื้นเป็นเวลานาน ซึ่งทั้งหมดนี้หากไม่ได้รับการทำความสะอาดอย่างเหมาะสม ก็อาจลุกลามสร้างปัญหาอื่นตามมา ไม่ว่าจะเป็นกลิ่นอับ แบคทีเรีย หรือการเสื่อมสภาพของวัสดุในบ้าน เราจะพาทุกท่านไปรู้จักกับคราบต่าง ๆ พร้อมวิธีทำความสะอาดแบบตรงจุด รับรองว่ามีประสิทธิภาพ ช่วยให้บ้านของคุณกลับมาสะอาดเหมือนใหม่ได้อีกครั้ง

คราบฝังแน่นคืออะไร? รู้จักให้ลึกก่อนจัดการให้ถูกจุด

คราบฝังแน่นคืออะไร? รู้จักให้ลึกก่อนจัดการให้ถูกจุด

ในชีวิตประจำวันของคนที่ดูแลบ้านหรือสถานที่ต่าง ๆ คงไม่มีอะไรน่าปวดหัวไปกว่าคราบฝังแน่น ซึ่งไม่ได้เป็นแค่สิ่งสกปรกธรรมดาที่เช็ดแล้วหาย แต่เป็นคราบที่ติดแน่น ทนทาน และมักซ่อนตัวอยู่ตามพื้นผิวในบริเวณที่มีการใช้งานบ่อย เช่น ห้องครัว ห้องน้ำ พื้นผิวรอบหน้าต่าง หรือแม้แต่บนเสื้อผ้า คราบฝังแน่น คือคราบที่ผ่านการสะสมมาเป็นระยะเวลานาน หรือเกิดจากปฏิกิริยาทางเคมี-กายภาพบางอย่างระหว่างสิ่งสกปรกกับพื้นผิว ทำให้ไม่สามารถล้างออกได้ด้วยวิธีธรรมดา เช่น ใช้ผ้าชุบน้ำเช็ด หรือใช้น้ำเปล่าล้าง อาจต้องใช้น้ำยาทำความสะอาดเฉพาะทาง และที่สำคัญคือต้องรู้จักประเภทของคราบให้ถูกต้องก่อน จึงจะเลือกวิธีจัดการได้อย่างเหมาะสม โดยประเภทของครอบที่เจอได้บ่อย เช่น

  • คราบมัน
    คราบมันเกิดจากไขมันหรือน้ำมันที่สะสมอยู่ตามพื้น ผนัง หรืออุปกรณ์ในครัว โดยเฉพาะบริเวณที่มีการประกอบอาหารเป็นประจำ คราบประเภทนี้จะเหนียว ลื่น และเกาะแน่นบนพื้นผิว ล้างออกด้วยน้ำเปล่าธรรมดาไม่ค่อยได้ผล จึงต้องใช้สารละลายไขมันหรือเบกกิ้งโซดาช่วยสลายคราบร่วมกับการขัด
  • คราบหินปูน
    เกิดจากการสะสมของแร่ธาตุในน้ำประปา เช่น แคลเซียมและแมกนีเซียม ที่ระเหยทิ้งคราบขาวไว้บนก๊อกน้ำ กระจก หรือฝักบัว มักพบในห้องน้ำหรือจุดที่น้ำแห้งช้า คราบชนิดนี้มีลักษณะขุ่นและแข็ง ต้องใช้น้ำส้มสายชูหรือน้ำยาขจัดคราบหินปูนโดยเฉพาะในการทำความสะอาด
  • คราบเชื้อรา
    เป็นคราบที่เกิดจากความชื้นสะสมในบริเวณที่มีอากาศถ่ายเทไม่สะดวก เช่น ห้องน้ำ ร่องยาแนว ผนัง หรือมุมอับต่าง ๆ เชื้อรามักแสดงออกมาเป็นคราบดำหรือเขียว มีกลิ่นอับ และอาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพหากปล่อยไว้นาน การจัดการต้องใช้น้ำยาฆ่าเชื้อหรือไฮเตอร์ และขัดให้สะอาดหมดจด
  • คราบสนิม
    คราบสนิมเกิดจากการที่เหล็กหรือโลหะสัมผัสกับความชื้นในระยะเวลานานจนเกิดปฏิกิริยาออกซิเดชัน ทำให้เกิดคราบสีส้มแดงฝังแน่น มักพบบนรั้วเหล็ก อุปกรณ์ในห้องน้ำ หรือเครื่องมือช่าง คราบประเภทนี้ต้องใช้น้ำยาขจัดสนิมโดยเฉพาะ หรือใช้กรดอ่อน เช่น มะนาว ร่วมกับการขัดแรง ๆ เพื่อให้หลุดออก

ขจัดคราบฝังแน่นที่พื้น กระเบื้อง ผนัง ห้องน้ำ ใช้ยังไงไม่ให้พื้นพัง

ขจัดคราบฝังแน่นที่พื้น กระเบื้อง ผนัง ห้องน้ำ ใช้ยังไงไม่ให้พื้นพัง

หลายคนตั้งใจจะขจัดคราบฝังแน่นให้หมดไปจากบ้าน แต่กลับเผลอทำลายพื้นผิวไปโดยไม่รู้ตัว เช่น ขัดจนกระเบื้องเป็นรอย ใช้น้ำยาที่แรงเกินไปจนผนังลอก หรือปล่อยให้คราบสะสมจนวัสดุเสื่อมสภาพ การทำความสะอาดคราบฝังแน่นจึงไม่ใช่แค่เรื่องแรงมือ แต่ต้องรู้จักพื้นผิว รู้จักคราบ และเลือกใช้อุปกรณ์กับน้ำยาให้เหมาะสมด้วย ซึ่งมีวิธีการดังนี้

  • รู้จักคราบก่อนจัดการ
    ก่อนจะลงมือขัด ต้องสังเกตให้แน่ชัดก่อนว่าคราบที่เรากำลังเผชิญอยู่คืออะไร เช่น คราบมัน คราบหินปูน คราบเชื้อรา หรือคราบสนิม เพราะคราบแต่ละชนิดต้องใช้น้ำยาและวิธีต่างกัน การใช้ผิดวิธีไม่เพียงไม่ช่วยให้คราบออก แต่ยังอาจทำให้พื้นผิวเสียหายได้อีกด้วย
  • เลือกน้ำยาให้ตรงจุด
    คราบฝังแน่นไม่ควรใช้น้ำเปล่าหรือผงซักฟอกทั่วไปเพียงอย่างเดียว ควรใช้น้ำยาทำความสะอาดเฉพาะทาง เช่น น้ำส้มสายชูหรือน้ำมะนาว สำหรับหินปูน เบกกิ้งโซดา สำหรับคราบมันหรือกลิ่น ไฮเตอร์หรือน้ำยาฆ่าเชื้อรา สำหรับคราบราดำในห้องน้ำ น้ำยาขจัดสนิม สำหรับคราบจากเหล็ก โดยการผสมน้ำยาในอัตราส่วนที่เหมาะสม และปล่อยทิ้งไว้ให้แทรกซึมลงคราบก่อนขัด จะช่วยให้ทำความสะอาดได้ง่ายขึ้นมาก
  • ใช้แปรงให้เหมาะกับพื้นผิว
    แปรงถือเป็นพระเอกของการขจัดคราบฝังแน่น แต่ต้องเลือกให้เหมาะกับวัสดุ โดยการขัดควรเริ่มเบามือก่อนเสมอ แล้วค่อยเพิ่มแรงหากจำเป็น เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดรอยหรือความเสียหาย
  • ให้เวลาน้ำยาทำงานก่อนขัด
    หลายคนมักพลาดตรงนี้คือทาน้ำยาแล้วขัดทันที แต่ความจริงแล้วควรปล่อยให้น้ำยาทำงานก่อนอย่างน้อย 10-15 นาที เพื่อให้สารละลายซึมเข้าสู่คราบ ช่วยให้งานขัดง่ายขึ้นและประหยัดแรงกว่าเดิมมาก
  • ล้างและเช็ดให้สะอาดหลังขัด
    หลังจากขัดคราบเสร็จแล้ว อย่าลืมล้างน้ำสะอาดให้หมดจด แล้วใช้ผ้าแห้งเช็ดอีกครั้งเพื่อไม่ให้คราบหรือน้ำยาตกค้าง เพราะหากปล่อยไว้อาจกลายเป็นคราบรอบใหม่ได้อีก

แปรงขัดคราบฝังแน่น ใช้ยังไงให้ถูกจุด คราบหลุดง่ายไม่ต้องเปลืองแรง

เวลาเจอกับคราบฝังแน่น หลายคนมักจะหยิบแปรงขึ้นมาขัดแบบไม่คิดมาก แล้วลงแรงเต็มที่หวังให้คราบหายไปเร็ว ๆ แต่ผลลัพธ์กลับไม่เป็นอย่างที่หวัง กลายเป็นคราบยังอยู่ พื้นผิวบางส่วนอาจเป็นรอย หรือที่แย่กว่านั้นคือวัสดุเสียหายถาวร ซึ่งความจริงแล้วแปรงขัดไม่ใช่แค่หยิบมาแล้วขัด แต่ต้องเลือกให้เหมาะกับงาน รู้จังหวะ และใช้ควบคู่กับน้ำยาให้ถูกประเภท ถึงจะได้ผลเต็มที่ และไม่เปลืองแรงโดยไม่จำเป็น ซึ่งมีเทคนิคการขัดได้แก่

  • เลือกแปรงให้เหมาะกับพื้นผิว
    สิ่งแรกที่ต้องรู้คือไม่ใช่แปรงทุกแบบจะใช้ได้กับทุกพื้นผิว บางพื้นผิวต้องการความนุ่มนวล บางจุดต้องใช้แรงขัดมาก ดังนั้นการเลือกแปรงให้ถูกประเภทจึงสำคัญมาก เช่น ถ้าเป็นพื้นที่เงาอย่างกระเบื้องเคลือบ ควรเลือกใช้แปรงขนนุ่ม เพื่อไม่ให้พื้นเป็นรอย แต่ถ้าเป็นพื้นหยาบหรือซีเมนต์ อาจเลือกใช้แปรงขนแข็ง เพื่อให้คราบหลุดออกง่ายขึ้น ส่วนคราบตามร่องยาแนวหรือซอกแคบ ๆ การใช้แปรงสีฟันเก่าจะช่วยให้ขัดได้แม่นยำและเข้าถึงคราบได้ดี
  • ปรับแรงมือตามประเภทคราบ
    การขัดคราบไม่จำเป็นต้องใช้แรงเท่ากันทุกจุด บางคราบ เช่น คราบหินปูน หรือคราบเชื้อรา ถ้ารู้จักใช้น้ำยาให้ถูกวิธี ก็แทบไม่ต้องออกแรงขัดมาก การขัดแรงเกินไปกลับทำให้พื้นผิวเสียหายโดยไม่จำเป็น ควรเริ่มจากแรงเบา แล้วดูว่าคราบเริ่มหลุดหรือยัง หากยังไม่ออก ค่อยเพิ่มแรงขัดอย่างระมัดระวัง
  • ขัดตามทิศทางของพื้นผิว
    สำหรับพื้นผิวบางชนิด เช่น ปูนขัดมันหรือไม้ ควรขัดตามแนวลายหรือแนวเส้นของพื้นผิว เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดรอยขัดที่ไม่พึงประสงค์ การขัดแบบวนกลมหรือขัดแบบสุ่มอาจใช้ได้กับพื้นผิวบางประเภท แต่หากไม่แน่ใจ ควรเริ่มจากการขัดตามแนวตรงหรือแนวเดียวกันเสมอ แล้วค่อยสังเกตผลลัพธ์
  • ขัดแบบแห้งก่อน แล้วค่อยขัดเปียก
    ก่อนใช้น้ำยาหรือน้ำเปล่า ควรลองขัดแห้งด้วยแปรงขนนุ่มหรือผ้าแห้งเพื่อปัดเศษผง เศษคราบแห้ง หรือฝุ่นออกก่อน เพราะการขัดแบบเปียกทันทีอาจทำให้ฝุ่นหรือคราบละลายกลายเป็นเละ ล้างยากกว่าเดิม
  • ขัดเป็นจังหวะสั้น ๆ ไม่ลากยาว
    การขัดแบบลากยาว ๆ จะทำให้แรงขัดกระจาย ไม่เกิดแรงกดพอที่จะทำให้คราบหลุดออกได้ การขัดแบบจังหวะสั้น ๆ ต่อเนื่อง มีจังหวะหยุดและเปลี่ยนทิศทางจะช่วยให้แรงขัดลงจุดได้ดีขึ้น และควบคุมการขัดได้แม่นยำกว่ามาก

สรุป

การขจัดคราบฝังแน่นให้ได้ผล ไม่ได้ขึ้นอยู่กับแรงขัดเพียงอย่างเดียว แต่ต้องอาศัยความเข้าใจในพื้นผิว ประเภทคราบ และการใช้แปรงกับน้ำยาให้เหมาะสม ซึ่งถ้าใช้ถูกวิธีแล้ว คราบก็จะหลุดออกได้ง่าย โดยไม่ต้องเปลืองแรง และไม่เสี่ยงทำลายพื้นผิว ซึ่งเทคนิคสำคัญมีตั้งแต่การเลือกแปรงให้เหมาะ ปรับแรงขัดให้พอดี ปล่อยให้น้ำยาทำงานก่อนขัด ไปจนถึงการขัดตามแนวพื้นผิว และล้างให้สะอาดหลังเสร็จงาน
เพียงใช้แปรงให้ถูกจุด รู้จังหวะ รู้วิธี คราบที่ดูน่าปวดหัว ก็จะกลายเป็นเรื่องเล็กสำหรับคุณได้ง่าย ๆ

Scroll to Top